fbpx

เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2562 นายสมชาย มีเสน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติให้ นายฉาย บุนนาค ดำรงตำแหน่งกรรมการ ,รองประธานกรรมการคนที่ 1 และประธานกรรมการบริหารของบริษัท โดยมีผลในวันนั้นทันที

แต่ก่อนถึงวันนั้น ส่องสื่อจะขอพาย้อนไปดูวิกฤตของเนชั่นที่ถาถมเข้ามาใส่ รวมถึงเรตติ้งและผลงานของเนชั่นที่ฉายต้องเข้ามาช่วยให้เนชั่นฟื้นตัวได้มากขึ้นในอนาคตต่อไป และนี่ก็อาจจะเป็นขุมทรัพย์ของทีมฉายในอนาคตก็เป็นได้…

เรตติ้งช่องในเครือเนชั่น ยังต้องเดินต่อไป

ในช่วงปี 2561 ที่ผ่านมาจะเห็นได้ชัดว่าเรตติ้งของเนชั่นทีวีและนาว 26 อยู่ในอันดับที่ค่อนข้างดี โดยจากผลการสำรวจของนีลเส็นตลอดทั้งปี 2561 ที่ผ่านมา เนชั่นทีวีถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 15 ด้วยเรตติ้ง 0.121 และนาว 26 อยู่ในอันดับที่ 11 ด้วยเรตติ้ง 0.175

โดยเรตติ้งสูงสุดของนาว 26 ในปี 2561 อยู่ที่เดือนกันยายน ได้เรตติ้งไปอยู่ที่ 0.218 และอันดับที่ 10 ส่วนเดือนที่ได้เรตติ้งน้อยที่สุดคือเดือนเมษายน เรตติ้งอยู่ที่ 0.134 และอันดับที่ 12 ในขณะที่ช่องเนชั่นทีวีได้เรตติ้งสูงสุดในเดือนกรกฎาคม ได้เรตติ้งที่ 0.207 และคว้าอันดับที่ 11 ไปครอง ส่วนเดือนที่เรตติ้งน้อยที่สุดคือเดือนมกราคม ได้เรตติ้งที่ 0.071 และอันดับที่ 16 นั่นเอง

ขายบริษัทกันระนาว WPS – NML โดนขายเกลี้ยง!!

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2560 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้จำหน่ายสินทรัพย์ของบริษัท ทั้งที่ดิน มหาวิทยาลัย บริษัทย่อยที่ตนเองไม่ถนัดในการทำธุรกิจ และสถานีโทรทัศน์ แต่สุดท้ายในภายหลังได้มีการเปลี่ยนแปลงมติ โดยทยอยขายที่ดิน มหาวิทยาลัย และบริษัทย่อย ยกเว้นช่องนาว 26 ที่ตัดสินใจไม่ขายทอดตลาด

โดยดีลแรกของการขายสินทรัพย์ที่กำลังจะสำเร็จแล้ว นั่นคือดีล “มหาวิทยาลัยเนชั่น” ที่ได้ รศ.ดร.จิรศักดิ์ จิยะจันทน์ มาซื้อมหาวิทยาลัยจากเนชั่นไป ในราคามูลค่า 256,500,000 บาท ซึ่งตามกำหนดการดีลนี้จะเสร็จสมบูรณ์ในวันที่ 31 มกราคม 2562

ดีลต่อมาที่ถือว่าขายราคากรีดเลือดเลยก็คือ “บริษัท เอ็นเอ็มแอล จำกัด” ที่ได้ บริษัท เอสพีพี อินเทลลิเจนซ์ จํากัด มาซื้อในราคา 9,000,000 บาท โดยยังต้องชำระหนี้ให้กับ NMG ต่ออีก 5 งวด รวมเป็นเงิน 50,000,000 บาท และเนชั่นยังได้ทำสัญญาให้ NML ขนส่งหนังสือพิมพ์ขั้นต่ำ 2 ปีอีกด้วย นอกจากนั้นเนชั่นยังได้ขายที่ดินที่ขอนแก่นให้ NML ต่อในภายหลังด้วยราคา 12,000,000 บาทอีกด้วย

และดีลล่าสุดก่อนเข้ามารับตำแหน่งของ “ฉาย บุนนาค” ก็คือดีลของ “บริษัท ดับบลิวพีเอส (ประเทศไทย) จำกัด” ที่ได้บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทของพ่อคุณฉาย บุนนาค มาซื้อไว้ในราคา 407.50 ล้านบาท และได้ปิดดีลเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา

เหตุผลสำคัญที่ทำให้จำเป็นต้องขายสินทรัพย์และบริษัทที่ตนเองไม่ถนัดออก เนื่องมาจากเนชั่นในยุคใหม่ต้องการที่จะเบนเข็มมาทำในสิ่งที่ตนเองถนัด อันได้แก่ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโทรทัศน์ และการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องไว้นั่นเอง

“ฉาย” พร้อมนำเนชั่นฝ่าวิกฤต สร้างกำไรให้ทะลุ

เนชั่นทีวีรายงานข่าวหลังจากที่ฉายเข้าดำรงตำแหน่งว่า ฉายจะเข้ามาดูเครือเนชั่นทั้งหมด โดยเน้นไปที่ 4 ธุรกิจที่เป็นหัวใจสำคัญของเนชั่นหลักๆ ประกอบไปด้วย

  1. ธุรกิจทีวีดิจิทัล นำทัพโดยเนชั่นทีวี 22 และนาว 26 ตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 1,100 ล้านบาท (รวมกันทั้ง 2 ช่อง)
  2. สื่อสิ่งพิมพ์ นำทัพโดย กรุงเทพธุรกิจ คมชัดลึก และ THE NATION ตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 700 ล้านบาท
  3. กลุ่มสื่อดิจิทัล ซึ่งอยู่ระหว่างการตั้งทีมขึ้นมาดูแล คาดว่าจะตั้งเป้ารายได้ต่อเมื่อจัดตั้งทีมเสร็จเรียบร้อย
  4. งานอีเวนท์ แบ่งเป็นงานที่เครือเนชั่นดำเนินการอยู่แล้ว เช่น งานปั่นจักรยาน งานวิ่ง คมชัดลึกอะวอร์ด และจะมีงานใหม่คืออีเวนท์พิเศษ อาจจัดปีละ 1-2 ครั้ง เช่น งานด้านเทคโนโลยี โดยตั้งเป้ารายได้ 150-200 ล้านบาท

โดยการตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ ฉายตั้งใจจะทำให้ได้ 2,000 ล้านบาท เดิมพันด้วยการไม่รับเงินเดือนจนกว่าบริษัทจะได้กำไร ส่วนปัญหาหนี้สินสะสม 1,100 ล้านบาท อยู่ระหว่างการเจรจากับ 9 สถาบันการเงินเจ้าหนี้ ควบคู่ไปกับการเพิ่มทุน ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากกลุ่มผู้ถือหุ้นแล้ว โดยคาดว่าการเจรจากับเจ้าหนี้จะได้ข้อยุติภายในไตรมาสแรกปีนี้ และน่าจะดำเนินการเพิ่มทุนในช่วงไตรมาส 2

สุดท้ายแล้วก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าการที่ฉายเข้ามาปรับทัพเนชั่น จะทำให้เนชั่นนั้นกลับมาผงาดขึ้นได้หรือไม่? และที่สำคัญคือใช้จรรยาบรรณสื่อควบคู่กับการสร้างธุรกิจไปด้วยกันได้หรือไม่? ส่องสื่อจะคอยติดตามเป็นระยะๆครับ

อ้างอิงจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ,ฐานเศรษฐกิจ และ เนชั่นออนไลน์