fbpx

บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3/2563 แก่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งจากผลประกอบการสะท้อนให้เห็นว่ามีรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน แต่รายได้ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะในกลุ่มการจัดงานและคอนเสิร์ตที่ยังคงได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อยู่ โดยรายได้ในไตรมาสที่ 3/2563 ของเวิร์คพอยท์ทั้งหมดอยู่ที่ 560,664,000 บาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 670,345,000 บาท

สำหรับรายได้หลักอย่างธุรกิจโทรทัศน์ นั่นคือช่องเวิร์คพอยท์ หมายเลข 23 และช่องทางออนไลน์ของเวิร์คพอยท์ มีรายได้รวมอยู่ที่ 443,762,000 บาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากฝั่งโทรทัศน์รวมอยู่ที่ 558,346,000 บาท โดยในไตรมาสที่ 3/2563 รายได้ในกลุ่มนี้ถูกแบ่งรายได้ออกมา ซึ่งมาจากค่าโฆษณาอยู่ที่ 423,359,000 บาท รายได้จากค่าลิขสิทธิ์อยู่ที่ 623,000 บาท และหมวดอื่นๆ มีรายได้อยู่ที่ 19,327,000 บาท เมื่อหักจากต้นทุนที่มีอยู่ 277,828,000 บาท ก็จะทำให้กำไรในส่วนธุรกิจรายการโทรทัศน์เหลืออยู่ 165,934,000 บาท ซึ่งได้รับผลกระทบจากการที่รายได้ลดลงตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และรายได้ของตนเองลดลงตามสัดส่วน

รายได้ส่วนถัดมา นั่นก็คือรายได้จากธุรกิจคอนเสิร์ตและละครเวที ซึ่งมีรายได้ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 12,432,000 บาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 39,539,000 บาท โดยในไตรมาสนี้แบ่งรายได้มาจากการโฆษณาทั้งหมด 3,458,000 บาท และรายได้ในหมวดอื่นๆ อีก 8,974,000 บาท เมื่อหักลบกับต้นทุนที่มีจำนวน 13,340,000 บาท รายได้ในส่วนนี้จะขาดทุนอยู่ที่ 908,000 บาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่งผ่านช่วงการ Lockdown ของการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ทำให้ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมายังไม่มีการจัดงาน และอยู่ในช่วงการเตรียมการจัดงาน ซึ่งจะสามารถจัดงานได้ในไตรมาสที่ 4/2563

รายได้อีกส่วนที่วิกฤตในช่วงโควิด-19 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นก็คือรายได้จากหมวดรับจ้างจัดงาน ซึ่งในไตรมาสนี้มีรายได้อยู่ที่ 20,732,000 บาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วที่มีรายได้อยู่ที่ 34,874,000 บาท โดยแบ่งรายได้มาจากการโฆษณาที่มีรายได้อยู่ที่ 3,346,000 บาท และรายได้จากการรับจ้างจัดงานอยู่ที่ 17,386,000 บาท โดยเมื่อหักรายจ่ายที่มีอยู่ทั้งสิ้น 20,143,000 บาท ทำให้รายได้จากหมวดนี้มีกำไรเหลืออยู่ 589,000 บาท อันเนื่องมาจากเริ่มผ่อนคลายมาตรการของรัฐตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้สามารถเริ่มกลับมาจัดงานได้บางส่วนแล้ว

รายได้ส่วนสุดท้าย คือรายได้จากการขายสินค้าและบริการ ซึ่งในไตรมาสนี้ทำรายได้ไปทั้งสิ้น 83,738,000 บาท มากกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ทำรายได้ไปเพียง 37,586,000 บาท ซึ่งแบ่งรายได้ส่วนนี้มาจากรายได้จากการขายสินค้าอยู่ที่ 35,459,000 บาท และรายได้ในหมวดอื่นๆ อยู่ที่ 48,273,000 บาท ทำให้เมื่อหักลบกับรายจ่ายที่มีอยู่ทั้งสิ้น 3,868,000 บาท ทำให้เหลือกำไรอยู่ที่ 79,870,000 บาท ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการปรับกลยุทธ์ในการจำหน่ายสินค้า โดยนำช่วงเวลาที่ช่องเวิร์คพอยท์เคยจัดสรรให้ 1346 Hello Shop นำไปแบ่งจัดสรรให้กับบุคคลภายนอกใช้ในการประชาสัมพันธ์ขายสินค้าแทน

เมื่อรวมรายได้ทั้งหมด บวกกับรายได้จากการบริหารจัดการอีก 96 ล้านบาท ทำให้มีรายได้สะสมประจำไตรมาสอยู่ที่ 560,664,000 บาท ทำให้เมื่อหักลบกับค่าใช้จ่ายและภาษีเงินได้ต่างๆ ทำให้มีกำไรประจำงวดอยู่ที่ 73,688,000 บาท ซึ่งมากกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรเพียง 44,611,000 บาท ส่วนหนึ่งเกิดจากการลดต้นทุนที่จากไตรมาสที่ 3/2562 มีต้นทุนทั้งหมด (ไม่รวมภาษีเงินได้) อยู่ที่ 422,426,000 บาท ในขณะที่ไตรมาสที่ 3/2563 มีต้นทุนทั้งหมด (ไม่รวมภาษีเงินได้) อยู่ที่ 315,179,000 บาท ซึ่งการที่รายจ่ายลดลงก็เกิดขึ้นมาจากการที่บริษัทฯ ลดค่าใช้จ่ายและต้นทุนเพื่อรองรับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมไปถึงการที่สำนักงาน กสทช. ยังปรับลดอัตราการนำส่งเงินรายปีเข้าไปยังกองทุนวิจัยและพัฒนาของ กสทช. อีกด้วย

สิ่งที่น่าจับตามองก็คือ การที่เวิร์คพอยท์ตัดสินใจขายเงินลงทุนในบริษัทร่วม บริษัท โกลบอล ไพร์ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด มูลค่าหุ้นละ 266.67 บาท จำนวน 29,410 หุ้น เป็นจำนวนเงิน 7.84 ล้านบาท ทั้งนี้สัดส่วนในการลงทุนได้มีการเปลี่ยนแปลงจากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 20.50 ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งการลงทุนของเวิร์พอยท์จะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องคอยติดตาม

Infographic : อาภาภัทร คงมานะชาญ