fbpx

ในช่วงปีที่ผ่านมา OTT Platform เริ่มเข้ามามีบทบาทที่สำคัญต่อชีวิตของมนุษย์ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กำลังระบาดอยู่ตอนนี้ และหลายเจ้าที่มีคอนเทนต์เป็นของตนเองก็เริ่มรุกตลาดเข้ามามากขึ้นด้วย เราจะเห็นได้ว่า Disney+ hotstar ก็เริ่มเข้ามาเมื่อไม่นานมานี้ด้วยกลยุทธ์ราคาที่ห่ำหั่นพอตัว

หนึ่งในแพลตฟอร์มที่กำลังพัฒนาต่อเนื่องเลยก็คือ POPS แพลตฟอร์มที่เข้ามาบุกประเทศไทยได้ 1 ปีกว่าๆ แล้วถือเป็นแพลตฟอร์มที่ไม่ได้วางตนเองแค่ OTT Platform อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวกลางให้ระหว่าง Content Creator กับ Brand ให้รู้จักกันอีกด้วย ซึ่งในช่วงแรกที่ POPS เข้ามานั้น เน้นการทำการตลาดกับกลุ่มเด็กและวัยรุ่น ด้วยคอนเทนต์ลิขสิทธิ์ที่ถือไว้ในมือจำนวนมาก เช่น การ์ตูนและรายการเด็ก ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของ POPS ในประเทศเวียดนาม และขยายมาที่อินโดนีเซียและไทย เพื่อมาทำ Original Content ในประเทศมากขึ้น ปัจจุบัน POPS มีคอนเทนต์ที่หลากหลาย เช่น ละคร เรียลลิตี้ การ์ตูน รายการเด็ก เป็นต้น

POPS ไม่ได้มุ่งเน้นแค่การพัฒนาคอนเทนต์บน Platform ของตนเองเท่านั้น แต่ยังขยายไปทำธุรกิจต่อเนื่องอีกด้วย เช่น การจัดหาและผลิตคอนเทนต์ (ทำในประเทศเวียดนามเป็นหลัก ส่วนของประเทศไทยเน้นคอนเทนต์เด็ก), Creative Studio ในประเทศไทยและเวียดนาม, Brand & Ads Solution ผ่านความร่วมมือระหว่าวแบรนด์กับคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ ตลอดจนการจัดกิจกรรมทางการตลาด, การพัฒนา KOL แบบความร่วมมือ โดยมี YouTuber หลากหลายช่องที่เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตร เช่น Bie The Ska, มาริโอ้ เมาเร่อ, ก้อย รัชวิน เป็นต้น รวมถึงการจัดจำหน่ายหนังสือการ์ตูนด้วย

เราจะสังเกตเห็นได้ว่า POPS นั้นมีฐานลูกค้าที่หลากหลายและชัดเจน และพัฒนาไปยังธุรกิจอื่นๆ ได้อย่างต่อเนื่อง การดำเนินงานที่สำคัญของ POPS คือการต่อยดจากสิ่งที่ตนเองมีอยู่ ไม่มองคู่แข่งทางธุรกิจเป็นคู่แข่ง แต่เป็นพันธมิตรซึ่งกันและกัน และการพัฒนาศักยภาพซึ่งกันและกันก็ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญมากๆ เช่นกัน

ในส่วนของประเทศไทย POPS ดำเนินการโดย บริษัท พ็อพส์ (ประเทศไทย) จำกัด มีคณะกรรมการบริษัท ได้แก่ นางสาวเอสเธอร์ เหงียน และนายทัน บัน เหนิง สำหรับผลประกอบการในปี 2563 นั้นพบว่ามีรายได้รวมทั้งหมด 275,410,504 บาท ขาดทุนสุทธิทั้งหมด 48,526,185 บาท และมีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 182,938,054 บาท