บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) แจ้งส่งงบการเงินประจำงวดไตรมาสที่ 2/2564 แก่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2564 โดยพบว่ามีรายได้รวมกว่า 1,012 ล้านบาท แต่ขาดทุนรวมกว่า 5 ล้านบาท โดยรายได้มากขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่รายจ่ายมีมากขึ้นเช่นกัน
โดยรายได้แบ่งเป็นรายได้จากส่วนงานเพลง 488,000,000 บาท กำไรส่วนงาน 204,000,000 บาท มากกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน, รายได้จากส่วนงานสื่อ 27,000,000 บาท กำไรจากส่วนงานอยู่ที่ 18,000,000 บาท, ซื้อขายสินค้าและบริการอื่นๆ 443,000,000 บาท กำไรจากส่วนงานอยู่ที่ 204,000,000 บาท มากกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และรายได้อื่นๆ 125,000,000 บาท กำไรจากส่วนงานอยู่ที่ 75,000,000 บาท มากกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
สำหรับเงินปันผลงวด 3 เดือนของบริษัทย่อยนั้น พบว่า บริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค พับลิชชิ่ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มีเงินปันผลอยู่ที่ 8,999,000 บาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่บริษัท เอ็กแซ็กท์ จำกัด มีปันผลอยู่ที่ 3,000,000 บาท และบริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด ไม่มีปันผลในงวด 3 เดือนนี้ ทำให้รายได้ปันผลรวมอยู่ที่ 11,999,000 บาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ในขณะที่ส่วนแบ่งกำไร(ขาดทุน) ในกิจการร่วมการค้าในงวด 3 เดือนนั้น พบว่า บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) มีส่วนแบ่งกำไรอยู่ที่ 89,624,000 บาท, บริษัท โอทู คิส จำกัด มีส่วนแบ่งขาดทุนอยู่ที่ 2,976,000 บาท และบริษัท วายจีเอ็มเอ็ม จำกัด มีส่วนแบ่งขาดทุนอยู่ที่ 40,000 บาท ทำให้ส่วนแบ่งกำไรรวมอยู่ที่ 86,608,000 บาท มากกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ยังมีส่วนแบ่งกำไร(ขาดทุน) ในบริษัทร่วม ได้แก่ บริษัท ซีเนริโอ จำกัด มีส่วนแบ่งขาดทุนอยู่ที่ 3,209,000 บาท และบริษัท นาดาว บางกอก จำกัด มีส่วนแบ่งกำไรอยู่ที่ 5,670,000 บาท นอกจากนี้ยังมีบริษัทอื่นๆ ที่มีส่วนแบ่งขาดทุนอยู่ที่ 101,000 บาท ทำให้ส่วนแบ่งกำไรอยู่ที่ 2,360,000 บาท มากกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ทำให้รายได้รวมอยู่ที่ 1,012,782,000 บาท มากกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 930,403,000 บาท ในขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 1,117,593,000 บาทมากกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายจ่ายอยู่ที่ 949,721,000 บาท ทำให้มีขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 5,659,000 บาท น้อยกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,952,000 บาท
สำหรับเหตุการณ์หลังรอบระยะเวลาบัญชี ได้แก่ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2564 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯได้มีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนของบริษัท จีเอ็มเอ็ม โฮลดิ้ง จำกัด เป็น 1,103 ล้านบาท (หุ้นสามัญเดิม 2.5 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญใหม่ 8.53 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท) โดยเรียกชำระค่าหุ้นส่วนที่เหลืออีก 60 บาทต่อหุ้น จากหุ้นสามัญเดิมจำนวน 2.5 ล้านหุ้น เป็นเงินรวม 150 ล้านบาท และเพิ่มทุนจำนวน 8.53 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท เป็นเงินรวม 853 ล้านบาท โดยการเพิ่มทุนจดทะเบียนดังกล่าวไม่ได้ทำให้สัดส่วนการลงทุนของบริษัทฯเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
ชอบดูทีวี สนใจเรื่องราวของสื่อสารมวลชน โดยเฉพาะสื่อทีวีและวิทยุ ชอบเขียนบทความ เป็นเด็กค่าย #YWC16
