fbpx

“ไทยรัฐทีวี ทีวีมหาชน” หลายคนคงจะคุ้นกับสโลแกนนี้ไม่มากก็น้อย วันนี้ไทยรัฐทีวีครองหน้าจอทีวีในฐานะช่องข่าวที่อยู่บนใบอนุญาตให้บริการโทรทัศน์ระบบดิจิทัล ระดับชาติ ประเภทความคมชัดสูงอีกที มานานถึง 5 ปี และยังไม่มีทีท่าว่าจะคืนช่องแต่อย่างใด เหตุใดเขาถึงมีความมั่นใจมากถึงขนาดนี้ วันนี้ส่องสื่อขอแกะตัวเลขเรตติ้งออกมาดูว่าเขามีพัฒนาการมากน้อยแค่ไหน? ติดตามอ่านจากบทความนี้ได้เลย

ไทยรัฐทีวีเปิดตัวมาด้วยสโลแกน “คิดต่างอย่างเข้าใจ” และเริ่มต้นออกอากาศด้วยรายการประเภทสาระ บันเทิง และข่าวสาร ซึ่งแนวหลังสุดคือแนวถนัดของไทยรัฐที่มารากฐานมาจากการเป็นหัวหนังสือพิมพ์มาก่อน และเริ่มต้นออกอากาศเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2557 หลังจากใช้สโลแกนนี้ได้ไม่นาน ไทยรับทีวีก็ตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองอีกครั้ง โดยใช้สโลแกน “ไทยรัฐทีวี ทีวีมหาชน” และโปรโมทอย่างจริงจังเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา

สิ่งสำคัญที่ทำให้ไทยรัฐค่อยๆ เป็นที่รู้จักนั่นก็คือ รายการข่าวที่ไทยรัฐค่อนข้างแตกต่างตั้งแต่เริ่มต้น โดยเป็นคนริ่เริ่มออกอากาศรายการข่าวในช่วงไพร์มไทม์ คือ 20.00-22.00 น. ในช่วงแรก และปัจจุบันก็ยังอยู่ รวมไปถึงการสร้างความแตกต่างในการรับชมด้วยการซื้อระบบ Immersive Graphic มาใช้ในประเทศไทย และระบบ Dolby Surround 5.1 ที่ใช้ในช่วงปีแรกของการออกอากาศ

อีกแง่หนึ่งคือการจริงจังในการถ่ายทอดสดรายการกีฬาที่แตกต่าง ทั้งการแข่งขันเรือหางยาว การแข่งขันฟุตบอลและฟุตซอล และวอลเล่ห์บอลชายหาด ที่ได้ใส่ลูกเล่น Immersive Graphic และเชื่อมต่อโลกออนไลน์เข้ากับทีวีด้วยการเป็นเจ้าแรกที่ส่งข้อความทางไลน์ได้ ไม่ต้องเสียค่าส่งข้อความอีกต่อไป ทำให้ช่องไทยรัฐทีวีเติบโตอย่างรวดเร็ว

ทีนี้เราจะมาพูดถึงในแง่ของเรตติ้งกันก่อน จะเห็นได้ว่าเรตติ้งของไทยรัฐทีวีค่อยๆ ขยับสูงขึ้น โดยเฉพาะในปี 2560 – 2561 ที่เรตติ้งขยับขึ้นสูงแบบทวีคูณ อันเนื่องมาด้วยมีการปรับกลยุทธ์มากขึ้น รวมไปถึงการวางจุดเด่นของตัวเองเป็น “สถานีข่าว” ที่เน้นข่าวอาชญากรรม การเมือง และสังคมเป็นหลัก รวมถึงการได้รายการข่าวและวาไรตี้มาเสริมทัพอีกด้วย

ในส่วนของรายได้ ไทยรัฐทีวีมีรายได้เพิ่มขึ้นทุกปีตามเรตติ้ง โดยเฉพาะในปี 2561 ทำรายได้มากถึง 919 ล้านบาท เกือบแตะหลักพันล้านเป็นที่เรียบร้อย พร้อมด้วยการก้าวสู่ Top 7 ในทีวีดิจิทัลทั้งหมดอีกด้วย ซึ่งในอนาคตบนเส้นทางทีวีดิจิทัลคงเป็นช่องที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากแน่นอน โดยเฉพาะการปรับผังเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มชาวบ้านมากขึ้น เพราะยังเป็นจุดอ่อนของไทยรัฐทีวี โดยเฉพาะเรตติ้งในภาคใต้และภาคอีสานที่ยังคงทำได้ไม่ดีนัก และจะรักษาจุดยืนของการเป็นสำนักข่าวที่รวดเร็ว ตรงต่อสถานการณ์ได้หรือไม่? ต้องติดตามต่อไป