fbpx

จากกระแสการรับชมละครช่อง 3 ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องบนแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งในประเทศไทยและประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงเป็นที่มาของความร่วมมือครั้งสำคัญนี้ระหว่าง บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) โดย นายอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ ร่วมกับ WeTV ในเครือ เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) และ Tencent Video ประเทศจีน โดย มร. เจฟ ฮาน (Ms. Jeff Han) รองประธานอาวุโส บริษัท เทนเซ็นต์ เพนกวิน จำกัด โดยทั้งสองได้แถลงความร่วมมือทางธุรกิจที่จะทำร่วมกันในปี 2020 ในการนำคอนเทนต์ละครช่อง 3 ที่ได้รับความนิยมไปออกอากาศบน WeTV ที่สามารถรับชมได้ในประเทศไทยและอีกหลายประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่มีการตกลงการออกอากาศละครแบบคู่ขนานบน Tencent Video ที่ผู้ชมในประเทศจีนสามารถรับชมได้พร้อมกันกับผู้ชมในประเทศไทยในปี 2020 นี้

ในส่วนของการออกอากาศบน We TV ในประเทศไทยนั้น นายวรุตม์ ลีเรืองสกุล Managing Director บริษัท บีอีซีไอ คอเปอเรชั่น จำกัด ได้กล่าวถึงข้อตกลงในครั้งนี้ว่า “ต้องถือว่าช่อง 3 เป็นผู้นำด้าน คอนเทนต์ละครอยู่แล้วและการขยายฐานผู้ชมไปในหลายแพลตฟอร์มนั้นก็เป็นการทำงานตามสิ่งที่ผู้ชมของเราต้องการแม้ว่าผู้ชมหลักของเราที่มีจำนวนมากจะสามารถรับชมละครช่อง 3 ทางออนไลน์ผ่าน แอปพลิเคชัน CH3+ (ซี-เอช-สาม-พลัส ซึ่งเป็นชื่อใหม่ของ Mello) ได้อยู่แล้ว แต่ความร่วมมือกับ WeTV ครั้งนี้จะยิ่งเป็นการเพิ่มฐานผู้ชมของเราให้มากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนี้ WeTV เองก็กำลังเติบโตและขยายฐานผู้ชมอย่างรวดเร็วในประเทศไทย ผมจึงมองว่า WeTV เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่สำคัญของเราในการเพิ่มจำนวนผู้ชม ซึ่งจะเป็นการเพิ่มทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ”

นางสาวกนกพร ปรัชญาเศรษฐ Country Manager, WeTV Thailand (ผู้จัดการประจำประเทศไทย) บริษัท เทนเซ็นต์ ประเทศไทย จำกัด ได้กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “เกือบหนึ่งปีที่เราได้เปิดตัว WeTV ในประเทศไทย เราได้นำเสนอซีรีส์คุณภาพระดับโลกจากเทนเซ็นต์ เพนกวิน พิคเจอร์ส อาทิ ปรมาจารย์ลัทธิมาร (The Untamed)และอีกกว่า 200 เรื่อง ทำให้ปัจจุบัน WeTV ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งชั้นนำของไทย นอกจากการเป็นผู้นำคอนเทนต์จีน WeTV ยังมุ่งเน้นการนำละครคุณภาพดีของประเทศไทยมาฉาย รวมถึงการสร้างออริจินัลคอนเทนต์ เพื่อนำเสนอคอนเทนต์พิเศษเฉพาะสำหรับผู้ใช้ของเรา สำหรับการร่วมมือกับช่อง 3 ในครั้งนี้ ด้วยแนวคิดและกลุ่มเป้าหมายที่ใกล้กัน เราเชื่อว่าในฐานะที่ WeTV เป็นพันธมิตรรายแรกที่ได้รับสิทธิ์ในการออกอากาศละครแบบคู่ขนาน และ รีรันละครแบบเอ็กซ์คลูซีฟ จะทำให้เราสามารถขยายฐานกลุ่มผู้ใช้ของ WeTV โดยคาดการณ์ว่าจะมีการดูละครไทยผ่านแพลตฟอร์มของเราเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า ภายในปี 2020 นี้”

นางสาวกนกพรกล่าวต่อ “ที่สำคัญ เรายังได้เห็นถึงความสำเร็จของละครไทยหลายๆ เรื่องที่สร้างกระแสให้กับผู้บริโภคไปทั่วภูมิภาค ด้วยเหตุนี้ WeTV จึงต้องการเข้ามาเป็นตัวกลางที่ช่วยเชื่อมและขยายความนิยมของละครไทยของช่อง 3 ไปยังประเทศจีนผ่าน เทนเซ็นต์ วิดีโอ รวมถึงผ่านแพลตฟอร์มของ WeTV ในประเทศอื่นๆ ในเอเชีย”

ตามที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่านอกจากการนำคอนเทนต์ไปออกอากาศบนแพลตฟอร์ม WeTV ที่สามารถรับชมได้ในประเทศไทยแล้ว ในการตกลงความร่วมมือครั้งนี้ยังมีการตกลงเกี่ยวกับการคัดเลือกละครไทยไปออกอากาศแบบเอ็กซ์คลูซีฟบน Tencent Video ผู้นำแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่ของประเทศจีน ที่มีฐานผู้ชมกว่า 550 ล้านคนต่อเดือน นายรณพงศ์ คำนวณทิพย์ Chief Commercial Officers บริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ความชื่นชอบละครไทยในประเทศจีนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยละครเรื่องแรกของเราที่ออกอากาศบน Tencent Video แบบคู่ขนานกับประเทศไทยเมื่อสองปีที่ผ่านมา คือเรื่อง ลิขิตรัก (The Crown Princess) ที่นำแสดงโดย ณเดชน์ ญาญ่า ก็ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม มีผู้เข้าชมมากกว่า 280 ล้านครั้ง นับเป็น TOP 5 ของคอนเทนต์ละครไทยที่มีคนดูมากที่สุดบน Tencent Video

“โดยในส่วนของความร่วมมือครั้งนี้ เราก็จะร่วมมือกับ Tencent Video คัดสรรละครดังของช่อง 3 เพิ่มเติมอีก 3 เรื่อง เพื่อไปออกอากาศพร้อมกับประเทศจีน และออกอากาศในอีก 4 ประเทศในเอเชีย ซึ่งเรามั่นใจว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่ผู้ชมชาวจีนและในประเทศอื่นๆ อีกด้วย” นายรณพงศ์กล่าวสรุป

โดยข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้จะครอบคลุมการทำงานร่วมกันในปี 2020 โดยละครช่อง 3 จะเริ่มออกอากาศทาง WeTV Thailand ตั้งแต่เดือนมกราคม 2020 เป็นต้นไป ส่วนจะมีละครเรื่องใดบ้างนั้น ทางบริษัทจะแจ้งให้ทราบต่อไปในเวลาอันใกล้นี้ โดยละครที่คัดสรรไปออกอากาศทั้งแบบคู่ขนานและแบบดูรีรันบน WeTV และ Tencent Video นั้น ก็จะเป็นการที่ผู้ชมสามารถรับชมรายการได้เหมือนกันกับการรับชมรายการบนแอปพลิเคชัน CH3+ของทางช่อง 3 อาทิ การรับชมละครที่จะช้ากว่าการออกอากาศบนโทรทัศน์เพียง 2 ชั่วโมง ผู้ชมก็จะได้รับชมพร้อม ๆ กันทั้งบน WeTV และ Ch3+ ซึ่งนับเป็นความแปลกใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนอีกด้วย


คราวนี้ทีมส่องสื่อได้มีโอกาสสัมภาษณ์ คุณ วรุตม์ ลีเรืองสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีอีซีไอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ถึงการพัฒนา Business Model ของช่อง 3 ในอนาคตของฝั่งออนไลน์ มาติดตามกันดีกว่าว่าอนาคตของช่อง 3 จะมีอะไรแปลกใหม่รึเปล่า? จากบทสัมภาษณ์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ทำไมถึงต้องมี CH3 PLUS?

ปีนี้ด้วยยุทธศาสตร์ที่พี่บี๋บอกว่าจะให้เราผันตัวเป็น Content provider มากขึ้น แล้วเราก็มองลูกค้าเป็นที่ตั้งมากขึ้นด้วย ที่นี้ลูกค้าก็ไม่ได้อยู่ที่เดียว ลูกค้าแต่ละทีก็ไม่ได้เป็นคนเดียวกันนะในบางที่ เราก็เลยมีแผนที่จะมีการขยายไปอยู่ใน OTT ต่างๆ มากขึ้น ย้อนกลับมานิดนึงเรามี Content สดอยู่ที่ CH3 Thailand ก็คือดูพร้อมทีวีเลย  แล้วก็มีดูย้อนหลัง 2 ชั่วโมงที่ Mello แล้วก็ข่าวก็ไปดูที่อื่นด้วย สิ่งที่เราจะทำคือจะรวมเป็นอันเดียวกันก็คือจะเป็น CH3 PLUS ซึ่งก็จะสามารถดูสดแล้วก็ดูย้อนหลังได้ในอันเดียวเลย

ในเดือนหน้านี้ก็คือเดือนกุมภาพันธ์  CH3 PLUS จะเปิดตัวเพราะฉะนั้นหมายความว่าหลังจากนี้ CH 3 Thailand กับ Mello ก็จะถูกรวมกันไว้ที่  CH3 PLUS ที่เดียวเท่านั้น โดยปัจจุบันทั้ง 2 Application มียอด Active User อยู่ที่ประมาณ 8 ล้านคน/เดือน และแค่บน Mello ก็มียอด Active User อยู่ที่ประมาณ 3 ล้านคน/เดือน ซึ่งพอมีการรวมกันเป็น CH3 PLUS มันจะส่งผลทำให้ผู้ชมที่ดูทีวีกับดูผ่าน OTT สามารถเชื่อมต่อกันได้ดีขึ้น แล้วก็ยังมี Original Content ที่ยังลง CH3 PLUS อยู่ ซึ่งจริงๆ ในอนาคต Original Content อาจจะไม่ใช่แค่ละคร แต่อาจจะเป็นวาไรตี้หรือข่าวด้วย แล้วก็ตอนนี้ Original Content เราฉายลงทางทีวีด้วยแบบพร้อมๆ กันกับ OTT ของเรา อย่างตอนนี้ก็จะมีเรื่อง “Hotel Star” จะฉายผ่านช่อง 3 ตอนห้าทุ่ม แล้วก็จะไปฉายบน OTT ตอนเที่ยงคืนครึ่ง ซึ่งจากผลการเก็บข้อมูลก็จะเห็นว่าลูกค้าถึงแม้ว่าหลายคนจะมองว่าลูกค้าออนไลน์กับทีวีจะทับซ้อนกัน แต่อันที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย กลับกันมันคือการพาเด็กกลับมาอยู่กับทีวีด้วย

เราอยากให้มองว่าสินค้าของเราก็คือคอนเทนต์ เราขายคอนเทนต์จะออกผ่านทางช่องทางทุกช่องทางที่เข้าถึงได้ ไม่ว่าจะเป็นการขายโฆษณาผ่านทางออนไลน์ การขายคอนเทนต์แบบ Licensing หรือแม้กระทั่ง SMS สำหรับในอนาคต Model Subscibers ก็คงหลีกหนีไม่พ้นอยู่แน่นอน แต่ต้องรอดูในการเปิดตัวแอพ CH3 PLUS ต่อไปในอนาคต

มี CH3 PLUS แล้ว แต่ทำไมถึงมาร่วมกับ WETV?

จากข้อมูลสถิติที่เราเห็นเนี่ยจะเห็นได้ว่าลูกค้าของเราเป็นแฟนคลับช่อง 3 อย่างเหนียวแน่น คือบางทีดูทีวีก็ยังไม่สะดวก ในบางครั้งก็ต้องกลับบ้าน ฉันยังอยู่บนรถ ฉันอยากดูบนมือถือแล้วฉันขี้เกียจ ก็คือตอนนี้เราก็เลยต้องทำ CH3 PLUS ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ แต่ลูกค้าที่อาจจะยังลังเลว่าจะดูดีไหมเราก็เลยกระจาย Content ไปในหลายๆที่ ในครั้งนี้เราก็เลยมาอยู่กับ WETV ซึ่งในความร่วมมือนี้ก็จะไม่ใช่ตลาดไทย มีทั้งจีน แล้วก็ต่างประเทศด้วยเรา ในครั้งนี้เราก็เลยยกหน้าจอที่ดีที่สุดที่ปกติมันเก็บไว้ที่เราให้กับ WETV ด้วย

ขอบเขตการร่วมมือของ WETV?

Content ของ WETV จะเริ่มต้นจากปีนี้ ฉะนั้นละครก่อนข่าวกับละคร Prime Time ในปีนี้ จะไปอยู่บน WETV ทุกเรื่องเฉพาะปีนี้นะครับ แล้วก็ดูได้เฉพาะในไทยก่อนซึ่งจะนำมาลงหลังจากออกอากาศ 2 ชั่วโมง ซึ่งเราให้สิทธิพิเศษกว่าที่อื่นๆ ในการออกอากาศหลังละครจบพร้อมกับ CH3 PLUS เป็นระยะเวลา 1 ปีก่อน ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าอินเตอร์เน็ตมันกว้าง แล้วที่เราเลือก WETV เพราะว่าฐานลูกค้าของเขาแล้วก็ของเราไม่ได้ทับกัน เราเลยตัดสินใจให้ windows เดียวกันได้ ในขณะเดียวกันเราก็จริงจังในการทำ OTT เพื่อให้ผู้ชมที่ชมผ่านทางหน้าจอสามารถมีปฏิสัมพันธ์กันได้มากขึ้นกับ OTT แต่ว่าในการร่วมมือกับ WETV เรามั่นใจว่ามันเป็นการขยายคอนเทนต์ร่วมกันและไม่ได้ทับกับฐานลูกค้าของเรา

การร่วมมือกับเมืองจีนของ CH3 X Tencent

ของเมืองจีนก็จริงๆ เราร่วมกับ Tencent ก็จะมีการออกอากาศคู่ขนานกันไปเรื่อยๆ แต่ว่าในความร่วมมือก็จะร่วมมือกันเป็นเรื่องๆ ก็ต้องรอวันฉายอีกครั้ง เพราะว่ามันจะมีระบบ Censorship อยู่ด้วย ก็ช่อง 3 เราบุกตลาดจีนอย่างจริงจังมา 2 ปีแล้ว เราก็พยายามที่จะโปรโมทคอนเทนต์ และดาราให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นอีก ซึ่งจริงๆ คนจีนดูคอนเทนต์เราค่อนข้างที่จะเยอะมาก แล้วก็เราได้ License ละครมาหลายเรื่องแล้ว แต่ละครก็ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเรื่อง Censorship ซึ่งมันก็ทำให้เราไม่สามารถขับเคลื่อนงานได้เร็วมากนัก 

ต้องติดตามการเปิดตัวแอพพลิเคชั่น CH3 PLUS (CH3+) ในคราวต่อๆ ไป ถ้าเกิดมีอะไรคืบหน้าต่อไป ส่องสื่อจะรายงานให้ทราบ แล้วอย่าลืมติดตามอ่านบทความในวงการสื่อได้ที่ส่องสื่อนะครับ