fbpx

ในช่วงนี้ที่มีการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส ในวันนี้ทางส่องสื่อ ก็อยากจะแนะนำภาพยนตร์อีกเรื่องที่จะเพิ่มพลังบวกให้แก่ทุกคนกัน โดยวันนี้ส่องสื่อจะมาแนะนำภาพยนตร์เรื่อง 17 วัยเปลี่ยนโลก เป็นหนังที่มาจาก สเปน ที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก Netflix สำหรับใครที่คิดว่าเรื่องนี้น่าจะดูยากเพราะภาษาที่ไม่คุ้นชิน ทางเน็ตฟลิกซ์เองก็มีตัวเลือกให้ผู้ชมได้เลือกเสียงพากย์ระหว่าง อังกฤษ และ สเปน ได้ด้วย แต่ยังเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอยู่สำหรับคนที่ชอบพากย์ไทย เพราะเรื่องนี้ไม่มีพากย์ไทยให้เรารับชมกันนั้นเอง ส่วนสำหรับเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรลองมาติดตามดูกัน

Seventeen เรื่องราวของเฮคเตอร์ (Hector) ที่หนีออกจากสถานพินิจเพื่อพยายามตามหาสุนัขบำบัดที่เขาเลี้ยงและฝึกสอนในสถานพินิจแห่งนี้ แต่ว่าในอีก 2 วันเขาจะอายุ 18 ปี ทำให้เขาเริ่มเขาสู่วัยผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว ถ้าเฮคเตอร์ทำผิดกฎหมายผิดในระหว่างนี้ละก็ เขาจะโดนส่งเข้าคุกทันที มันจึงเป็นเรื่องสุดลำบากให้กับพี่ชายของเขาอย่าง อิชมาร์ ทำให้เขาต้องร่วมเดินทางสามคนพร้อมกับน้องชายและย่าของเขาเพื่อตามหาสุนัขที่หายไป

สำหรับเรื่อง Seventeen หรือ 17 วัยเปลี่ยนโลก นั้นเป็นการดำเนินเรื่องราวผ่านมุมของ เฮคเตอร์ วัยรุ่นที่อายุกำลังจะ 18 ปีแล้ว แต่ภายในจิตใจของเขายังคงความเป็นเด็กเอาแต่ใจอยู่ สิ่งที่เขาทำมักจะทำให้พี่ชายของเขาประสาทเสียตลอดเวลา เรื่องนี้จึงมักมีเรื่องวุ่นวายทะเลาะกันระหว่างพี่น้องเกิดขึ้นมากมายในระหว่างทาง โดยตัวหนังจะค่อยๆพาไปทำความรู้จักถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาทีละนิด ผ่านปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างเรื่องที่ เฮคเตอร์ได้ก่อปัญหาไว้ จึงทำให้อิชมาร์พี่ชายของเขาต้องตามเก็บงานตลอด การเดินทางของทั้งสามคนในเรื่องนี้ เป็นเรื่องราวที่สุขปนทุกข์เข้ามาตลอดเวลาเลยที่หนังพยายามสื่อออกมา เราจะได้เห็นว่าย่าของพวกเขามีเวลาที่จะอยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่นาน มันทำให้เราไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะเศร้ากันแน่กันแน่ในระหว่างการเดินทางของพวกเขาสามคน ทั้งที่การเดินทางที่เหมือนควรจะจบลงตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังมีความหวังที่จะเดินต่อไป ความหวังเล็ก ๆ ที่จะทำให้ทั้งสองเลือกที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้าด้วยกัน

สำหรับวิธีการเล่าเรื่องนี้ในเรื่อง Seventeen นั้นเป็นการเล่าที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อนเป็นการดำเนินเรื่องในลักษณะเส้นตรง และไม่ได้หวือหวาอะไรในฉาก การแบ่งประเด็นหลักและรองของหนังเรื่องนี้ยังทำได้ไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่ หนังอาจจะมีบางอย่างที่คนดูอย่างเราอาจจะต้องคิดเองบ้างผ่านทางการกระทำของตัวละคร และในการดำเนินเรื่องแบบนี้ส่วนใหญ่ อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะทำให้มันไม่มีฉากเอื่อยบ้างในระหว่างทาง แต่เราจะได้เห็นมิตรภาพอันงดงามระหว่างสองพี่น้องอย่างแน่นอน

ส่วนที่ประทับใจของหนังเรื่องนี้ ก็คงเป็นการเลือกสถานที่ภูมิประเทศในการถ่ายทำ ซึ่งแต่ละฉากยอมรับเลยว่ามันสวยมาก  ทิวทัศน์ บรรยากาศที่ดึงมาจากภูมิประเทศถูกใช้ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด ในระหว่างการเดินทางคือธรรมชาติที่น่าลุ่มหลงและน่าไปมาก ด้วยวิวที่สวยงามบวกด้วยบ้านสไตล์ชนบทที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และ มุกที่สองพี่น้องเล่นกันในระหว่างทาง ซึ่ง เฮคเตอร์ เป็นเด็กพิเศษอาจจะไม่มีความคิดเรื่องมุกหรือคำเสียดสีซักเท่าไหร่ในตอนแรก แต่พอ อิชมาร์ มาสอนการเล่นมุก มันทำให้เราเห็นถึงพัฒนาการของตัวละครที่ดีขึ้นและความสัมพันธ์ที่ชัดเจนมากขึ้นระหว่างการเดินทาง

โดยรวมแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่เรียกได้ว่า ถึงแม้ความหวังมันจะน้อยนิด แต่ถ้ายังมีความหวังเราก็พร้อมที่จะมูฟออนต่อไป เหมาะสำหรับคนที่หมดกำลังใจหรือต้องการหาแรงบันดาลใจในชีวิต