ในปี 2020 นี้เรียกได้ว่า เป็นปีที่เจ็บปวดสำหรับวงการภาพยนตร์เป็นอย่างมากเมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้โรงภาพยนตร์ทั้งในไทย และต่างประเทศต้องชะงักหยุดและเลื่อนฉายหนังออกไป แม้แต่ในกองถ่ายเองก็ยังได้รับผลกระทบหนักหนาไม่แพ้กัน ทำให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ต้องสูญเสีญรายได้ไม่ต่ำกว่าพันล้านเหรียญสหรัฐจากปีก่อน ปีนี้จึงเป็นอีกปีที่ท้าทายเหล่าสตูดิโอต่าง ๆ ที่เลือกจะเลื่อนฉายหนังรอให้โควิดหาย หรือเลือกที่จะลงแพลทฟอร์มทางเลือกอย่างสตรีมมิ่ง วันนี้ทางส่องสื่อจะพาไปชมกับเหตุการณ์แห่งโลกภาพยนตร์ที่เกิดขึ้นในปี 2020 นี้เอง
จุดเริ่มต้นโควิด-19 ทำให้ไทยต้องสูญเสียรายได้จากอุตสาหกรรมภาพยนตร์อย่างมหาศาล
จากเหตุการณ์โควิด-19 ทำให้โรงภาพยนตร์ประเทศไทยทั่วประเทศต้องปิดตัว ตามพรก.ฉุกเฉินและตามมาตรการป้องกันการระบาดในเดือนมีนาคม และไม่ได้มีเพียงโรงภาพยนตร์เพียงอย่างเดียวที่ปิด กองถ่ายละครและหนังเองก็ต้องปิดตามมาตรการเช่นเดียวกัน จนถึงเดือนพฤษภาคมที่เริ่มมีการผ่อนปรนให้เริ่มมีการเปิดกองถ่ายได้ โดยต้องมีการจำกัดทีมงานไม่เกิน 50 คน/ 1 กองถ่าย และจะต้องจำกัดนักแสดงหน้าฉากมีได้ไม่เกิน 10 คน และห้ามมีการถ่ายทำฉากที่มีความใกล้ชิดเกินไปอย่าง เลิฟซีน และฉากต่อสู้ ทำให้เหล่าทีมงานต้องเลือกที่จะใช้เทคนิคการถ่ายทำแทน จึงทำให้เป็นที่ลำบากใจของเหล่าทีมงานมาก เพราะนอกจากจะต้องแข่งทำเวลาให้ถ่ายทันเสร็จก่อนเวลาเคอร์ฟิว และยังต้องขออนุญาตสถานที่ถ่ายทำก่อนทุกครั้งด้วย ทำให้โครงการเหล่านี้ต้องใช้เวลามากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
เดือนมิถุนายน เป็นเดือนที่โรงภาพยนตร์เริ่มได้รับการผ่อนปรนเปิดให้คนทั่วไปรับชมได้ แต่ต้องเว้นระยะห่างต่อกันหนึ่งที่นั่ง ทำให้ยังไม่สามารถที่จะฟื้นฟูได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเรื่องแรกที่ได้เข้าฉายหลังจากการระบาดโควิด-19 คือเรื่อง หอแต๋วแตก: พจมาน สว่างคาตา ผลงานของ ผู้กำกับ “พชร์ อานนท์” ที่เปิดตัววันแรกได้เพียง 1.12 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยมากหลังจากที่เปิดโรงครั้งแรกนี้ และปิดรายได้ไปรวม 8.68 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่า หอแต๋วแตก: แหกไม่รอแล้วนะ ไปกว่า 100 ล้านบาท จึงทำให้เรื่องนี้เป็นหนังที่ทำรายได้น้อยที่สุดในบรรดาภาคต่อของหนังตระกูล “หอแต๋วแตก” เลยก็ว่าได้
พชร์ อานนท์ กล่าวกับส่องสื่อถึงผลกระทบจากโควิด-19 ว่า “ก็ได้รับผลกระทบครับ อย่างที่บอกว่าโรงหนังมันจุได้ 200-300 คน ก็เหลือเพียงแแค่ 50 คน แล้วก็เรื่องโปรโมทหนัง เราเคยโปรโมทไปรอบหนึ่งแล้ว หมดไปหลายล้านมาก ประมาณ 7-10 ล้านบาท แต่พอเกิดเหตุการณ์ก็ไม่ได้ฉาย หนังก็เลื่อนไปเพื่อที่จะมาฉายตอนนี้ ตอนนี้เงินโปรโมทก็หมดแล้ว มันก็เลยต้องดู เพราะรายได้มันก็มีส่วน เพราะคนยังไม่ค่อยกล้าออกมาเท่าไหร่ครับ แต่ก็ออกมาเถอะครับ เพราะว่าโรงหนังมันต้องคู่กับคนไทย แล้วก็ปลอดภัยครับ เพราะโรงหนังมีการทำความสะอาดทุก ๆ หนังจบเลย”
การฟื้นตัว และการกลับมาของภาพยนตร์ไทย
หลังจากผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ในไทยจนผู้ติดเชื้อทั้งหมดเหลือศูนย์คน เดือนพฤศจิกายนก็ดูเหมือนจะเป็นฤกษ์งามยามดีที่เหล่าหนังไทยจะได้มาเชิดฉายให้ผู้คนได้รับชมกัน อย่างเรื่อง “อีเรียมซิ่ง” หนังคอมเมดี้เอาใจชาวอีสานที่ได้รับกระแสปากต่อปากว่าเป็นหนังตลกสุดยอดอีกเรื่องก็ว่าได้จาก Workpoint ที่ยอดรายได้รวมทะลุเกิน 200 ล้าน เป็นหนังไทยที่ทำเงินได้มากที่สุดในปีนี้เลยก็ว่า และรองลงมาก็เองก็สุดยอดไม่แพ้กันอย่างเรื่อง อ้ายคนหล่อลวง ผลงานของ GDH ภาพยนตร์แนวเลิฟคอมเมดี้ ต้มตุ๋น ตัวเอกได้ ณเดชน์ คูกิมิยะ มารับบทเป็น ทาวเวอร์ นักต้มตุ๋นมืออาชีพ และนอกจากทั้งสองเรื่องนี้ยังมีหนังไทยอีกหลายเรื่องที่ได้ฉายในเดือนพฤศจิกายนนี้ เรียกได้ว่าปล่อยของมาเกือบหมดเลยก็ว่าได้ หลังจากที่ปิดเพราะโควิด-19 มานาน
ผลกระทบโควิดทำให้หนังฟอร์มยักษ์ต้องเลื่อนออกไป
ผลจากโควิด-19 ทำให้หนังฟอร์มยักษ์จากฮอลีวู้ดจำใจต้องเลื่อนออกไปเพราะถ้าฉายในตอนนี้อาจจะทำให้รายได้ขาดทุนได้ หลายสตูดิโอจึงต้องจำใจเลื่อนเหล่าหนังฟอร์มยักษ์เหล่านี้ออกไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีกำหนด อย่างดีสนีย์ที่จะฉายหนังสามเรื่องในปีนี้กลับต้องเลื่อนไปฉายปีหน้า และยังต้องนำหนังบางส่วนลงแพลทฟอร์มสตรีมมิ่งของตัวเองอย่าง Disney+ และ Warner ต้องเปิด HBO Max เพื่อหาทางออกให้กับหนังของตนเองที่ยังไม่ได้เข้าฉาย บริการสตรีมมิ่งจึงกลายเป็นบทบาทสำคัญอีกหนึ่งทางที่จะทำให้สตูดิโอหนังต่าง ๆ อยู่รอด
แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ เป็นทางออกอีกทาง?
หลังจากที่เราได้เขียนเรื่องของหนังไทยไปแล้ว ต่อไปก็คงไม่พูดไม่ได้นั้นก็คือแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ ที่เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนคู่ใจในยามโควิด-19 ระบาด จากข้อมูลที่ Netflix ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งรายใหญ่ เผยออกมาพบว่าหลังจากที่โควิด-19 ระบาด มีผู้สมัครรับบริการรายใหม่ในไตรมาสแรกสูงขึ้นถึง 16 ล้านคนจากทั่วโลก เป็นครั้งแรกที่ผู้สมัครพุ่งทะยานสูงขึ้นมากได้ขนาดนี้ เพราะผู้คนต่างอยู่บ้านกักตัวและไม่มีอะไรทำ แต่ถึงแม้จะมีคนสมัครเยอะมากก็ตาม แต่กลับพบว่าการผลิตออริจินัลคอนเทนต์ของตัวเองนั้นก็ออกมาได้อย่างล่าช้าตามไปด้วย เพราะกองถ่ายเองก็ต้องหยุดถ่ายทำเพราะโควิด-19 ทำให้ทาง Netflix ต้องมานั่งหาทางออกด้วยการซื้อลิขสิทธิ์หนังที่ยกเลิกฉายไปเพราะโควิด-19 มาลงแพลตฟอร์มของตนเองเพื่อเพิ่มยอดผู้ใช้งาน โดยหนังที่ซื้อมาไม่ได้มีเพียงแค่สหรัฐอเมริกาเพียงอย่างเดียว แต่มีอีกหลายประเทศอย่าง ญี่ปุ่น, เกาหลี, ฝรั่งเศส และอื่น ๆ อีกมากมาย นี่จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ประกอบการภาพยนตร์จะต้องเลือกว่าจะฉายผ่านโรงหนัง หรือขายให้ Netflix ดี เพื่อที่จะประคองสตูดิโอไว้?
ในประเทศไทยเองก็มีบริการสตรีมมิ่งหลากหลายผู้บริการให้เลือก และแต่ละให้ผู้บริการเองก็มีออริจินัลคอนเทนต์เป็นของตัวเองเพื่อที่จะเรียกลูกค้ามาสมัครบริการให้ได้มากที่สุด ซึ่งในตอนนี้ทาง Mono Max เองก็ได้ผลิตภาพยนตร์ของตนเองฉายลงบนแพลทฟอร์ม ทาง Netflix ก็มีโครงการที่ได้รับความร่วมมือจากสมาคมผู้กำกับที่จะเฟ้นหาผู้กำกับหน้าใหม่มาร่วมสร้างสรรค์ Original Netflix เช่นกัน นี่อาจจะเป็นทางรอดอีกทางของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไทยเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ยังมี iQIYI (อ้ายฉีอี้), WeTV ของทางจีนมาเปิดบริการในไทย เรียกได้ว่าช่วงนี้เป็นช่วงกอบโกยเลยก็ว่าได้ที่จะพลิกวิกฤตเป็นโอกาสในสถานการณ์แบบนี้
แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเห็นด้วยไปหมด จากเหตุการณ์ที่ทาง Warner จะฉายหนังผ่าน HBO MAX พร้อมฉายหนังจากโรงภาพยนตร์ด้วย ทำให้กระแสความไม่พอใจอย่างผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน ได้ให้สัมภาษณ์กับ ET Online ว่า “ผมไม่เชื่อเลยว่านี่เป็นสิ่งที่พวกเขาเลือกจะทำ พวกเขาไม่ได้บอกอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ทางค่ายมีนักแสดง ทีมงานสร้างระดับโลกที่ทำงานร่วมกันมากว่าหลายปี ภาพยนตร์ที่กำลังจะเสร็จเหล่านี้มีความหมายต่อพวกเขาและต้องการที่จะให้หนังเหล่านี้ฉายอยู่บนจอที่ใหญ่บนโรงภาพยนตร์ เพื่อถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกให้มากที่สุดต่อผู้ชม แต่ว่าตอนนี้พวกเขากลับเลือกที่จะลงแพลตฟอร์มบริการสตรีมมิ่งโดยที่ไม่ได้ตกลงกับเหล่าทีมงานเลยเนี่ยนะ มันเป็นอะไรที่แย่มาก” จากคำพูดเหล่านี้ทำให้เกิดข้อถกเถียงกันว่าสิ่งที่วอร์เนอร์ทำเป็นสิ่งที่ถูกหรือไม่ ที่จะไม่บอกเหล่าผู้ที่สร้างสรรค์ผลงานตนเองว่าจะฉายให้รับชมผ่านทางใดบ้าง?
อ้างอิง
Christopher Nolan slams Warner Bros.’ HBO Max release plans (joblo.com)
https://www.joblo.com/movie-news/christopher-nolan-warner-bros-hbo-max-reaction
พชร์ อานนท์ : เมื่อ “พจมาน สว่างคาตา” คือหน่วยกล้าตายในช่วงสถานการณ์ New Normal ของโรงหนังเมืองไทย – ส่องสื่อ
https://songsue.co/7734/
5 ข้อสรุปสำคัญเรื่องมาตรการผ่อนปรน ‘เปิดกองถ่าย’ ด้านภาพยนตร์และวีดิทัศน์ – THE STANDARD
https://thestandard.co/5-conclusion-movie-and-video-affairs/
รายงานหนังใหม่ทำเงิน วันพุธที่ 3 มิถุนายน 2563 : พจมาน สว่างคาตา คว้าแชมป์รับวันหยุด – Theaterist : ชีวิต ติด หนัง
https://theaterist.blog/2020/06/04/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99-%E0%B8%A7-50/
หอแต๋วแตก ฉีกกฎหนังไทย ไม่มีบท ไร้สคริปต์ 6 ภาค ฟันรายได้เฉียด 600 ล้านบาท | daradaily | LINE TODAY
https://today.line.me/th/v2/article/kNVP8M
‘อีเรียมซิ่ง’ยังฮาและแรงไม่หยุด ฉลองรายได้ทะยานสู่ 200 ล้าน (thaipost.net)
https://www.thaipost.net/main/detail/85989
โควิด-19: สรุปสถานการณ์ มีนาคม-มิถุนายน 2563 (prachachat.net)
https://www.prachachat.net/world-news/news-414664
นักเขียนประจำทีมบรรณาธิการส่องสื่อ เน้นแนะนำและรีวิวภาพยนตร์ในแบบฉบับที่สั้นและเข้าใจง่ายมากที่สุด
