fbpx

“นุ่มนวลมีพลังกับพรหมลิขิต”


กระแส soft power มาพร้อมๆกับละคร Romantic Comedy พรหมลิขิต ภาคต่อจาก ละครบุพเพสันนิวาส

เมื่อกว่า 3 ปี ที่ผ่านมา ก่อนการเกิดระบาดของโควิด ในขณะที่รัฐบาลก็ประกาศตั้งกรรมการ soft power แห่งชาติ และวางนโยบายส่งเสริมการเป็น soft power country

ผมเฝ้าดูประเด็นเรื่อง soft power ที่คนไทยพูดกันในหลายวงการ แต่ดูประหนึ่งว่า มีคนจำนวนมากรวมทั้งผู้กำหนดนโยบาย soft power ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ และทำความรู้จักลงลึกในความหมายและปริบทของ soft power ที่ชัดเจน

หลายคนบอกว่า soft power คือ หมูกระทะ

บางคนบอกว่า ก็ลิซ่า Blackpink นั่นไง บ้างก็ว่าจัดแฟชั่น วีค ในเมืองไทย

ออเจ้าหลายคน ก็บอกว่า จัดกิจกรรมเยอะดึงคนมาเมืองไทย คือ soft power หลายหน่วยงานบอกว่า ก็อาหารไทย แหล่งท่องเที่ยวนั่นไงล่ะ คือ soft power 

ซึ่งในสำหรับประเทศไทย หากหยิบยกสิ่งที่เรียกว่า Soft Power ที่ภาครัฐวางกำหนดขอบเขตมีสัญลักษณ์ 5F ได้แก่

  1. Food อาหารไทย
  2. Film ภาพยนตร์ไทย
  3. Fashion การออกแบบไทย
  4. Fighting ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย
  5. Festival เทศกาลและประเพณีไทย

แต่กรอบแนวทางที่ตั้งมา ยังไม่มีข้อมูลที่เด่นชัดว่า อะไรคือ DNA แห่ง soft power ?

แต่เมื่อพิเคราะห์ดูจากสิ่งที่เห็น ดูข้อมูลวิจัยจากหลายประเทศที่สำเร็จมาแล้ว ผมเลยจะขอบัญญัติไว้ว่า softpower คือ “พลังนุ่มนิ่มที่แสดงออกอย่างนุ่มนวล มีการวางแผน เติมความคิดสร้างสรรค์ มีดำเนินการต่อเนื่อง อย่างเป็นระบบและกระบวนการ โดยใช้เวลาในการสร้าง และส่งผลให้ผู้คนมีความเชื่อ ศรัทธา ยอมรับ และแปรเปลี่ยนความชอบมาเป็นการยินยอมจ่ายเงิน เพื่อให้ได้เข้าถึงสิ่งนั้น ด้วยความยินดี”

พลังนุ่มนวล จะประกอบด้วยกลยุทธ์ 3 อย่าง คือ

  1. วัฒนธรรม/ประเพณี อาจจะมีมาดั้งเดิม สูญหายไป หรือสร้างขึ้นมาใหม่
  2. Political Policy กลยุทธ์ทางการเมือง
  3. International policy ยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ

ทั้งหมด ทำแบบเนียนเนียน เนิบเนิบ นุ่มนวล

ข้อสำคัญของการทำ soft power ต้องมีกระบวนการในการสร้าง กระบวนการรักษา กระบวนการส่งเสริมที่จริงการกำเนิดของ soft power มาจากการคิดกลยุทธ์ที่มาทดแทน หรือ ดำเนินการควบคู่กับ Hard Power ที่เป็นยุทธการทางทหารและการขยายอาณานิคม ใน 2 ข้อหลัง เพื่อเฟ้นหาดินแดน ทรัพย์สิน แหล่งอาหาร พลังงาน และการครอบงำทางสังคม เผยแพร่ความคิด ซึ่งเป็นมาตั้งแต่สมัยโบราณทั้งในซีกโลกตะวันตกและเอเชีย

แต่เมื่อสังคมมีการพัฒนามากขึ้น แนวทางของ Hard power จึงแปรเปลี่ยนมาใช้พลัง soft power ทดแทนมากขึ้น เราจึงเห็นการสร้างวัฒนธรรมของชาติมหาอำนาจ ในด้านต่างๆทั้งอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ความเชื่อทางศาสนา ผลิตภัณฑ์ บริการ software ความบันเทิงรูปแบบต่างๆผ่านช่องทางและนวตกรรมที่ทันสมันในแต่ละยุค และใช้วาทกรรมในการเชิญชวนให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามามีส่วนร่วมและเห็นด้วย วาทกรรมในเชิงพลังทางทหารและการเมือง การต่างประเทศ มักจะมาในรูปแบบโฆษณาชวนเชื่อ อาทิ จักรวรรดินาซี การสร้างกระแสรักชาติของสหรัฐ และญี่ปุ่นต่างๆ ต่อมาจึงปรับมานำความคิดและวัฒนธรรมผ่านความบันเทิง ไปสู่กลุ่มชน สังคมไหนมีความเปราะบางหรือไม่มีวัฒนธรรมทีเข้มแข็งเข้มงวด การเผยแพร่วัฒนธรรมจากอีกซีกโลกหนึ่งไปยังสังคมนั่น ก็ง่ายดาย สังคมใดแม้เป็นประเทศเล็กๆ แต่มีศักยภาพและความเข้มข้นทางวัฒนธรรมสูง ก็สามารถรักษาอัตลักษณ์และส่งออกวัฒนธรรมไปสู่แหล่งอื่นๆของโลกได้ดีเช่นกัน

จึงเป็นจุดเริ่มต้นของบรรดาประเทศต่างๆในการนำ ”พลังนุ่มนิ่ม” มาเป็นทัพหน้าในการเข้าถึงผู้คนอย่างละมุนละม่อม
ตัวอย่างของการเป็น soft power ทั้ง 3 ด้าน ประกอบด้วย

ด้านวัฒนธรรม

เป็นการง่ายในการเผยแพร่มรดกของชาติ ออกสู่สายตาชาวโลก โดยนำสิ่งที่คุ้นเคย คือ สภาพบ้านเมือง ประเพณี วัฒนธรรม มาขยายออกเป็นยุทธศาสตร์ อาทิ อียิปต์ , อินเดีย เกาหลี จีน ตุรกี ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน อังกฤษ สเปน พลังนุ่มนวลที่ประเทศเหล่านี้ ดำเนินการ มักต้องทำให้ผู้คนเชื่อถือ + ทำตาม +แปรเป็นรายได้ทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน เข้าประเทศ
อียิปต์ นำจุดขายที่มีอยู่เดิม คือ สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เช่น สฟิงค์ สุสาน ปิรามิด และแม่น้ำไนล์ มาเป็น soft power และที่ส่งเสริมให้ อียิปต์ เป็นที่รู้จักมากขึ้น คือ การที่ฮอลลีวูด นำเนื้อหาของอียิปต์มาสร้างเป็นภาพยนตร์ให้คนชื่นชอบ ดูน่าค้นหา มีความขลังและอยากไปท่องเที่ยวชมอารยธรรม อาทิ The mummy , dead of the Nile จากบทประพันธ์ของอากาธา คริสตี้ ที่มีนักสืบบัวโรต์ เป็นตัวเอก ซึ่งในฉาก จะมีภาพสถานที่ ท่องเที่ยวสวยงาม ของอียิปต์ แฝงอยู่ตลอด

  • อินเดีย

เป็นประเทศเก่าแก่ อีกประเทศหนึ่ง ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย อาทิ ทัชมาฮาล พระราชวังแห่งเมืองชัยปุระ แม่น้ำคงคา ป้อมอัครา

บอลลีวู๊ด คือ การสร้าง softpower ที่ครอบคลุมกระบวนการทั้งสามสิ่ง ของอินเดีย มีทั้งบทภาพยนตร์ที่หลากหลาย ทั้งการรักชาติ คอสตูมเสื้อผ้า สถานที่ท่องเที่ยว ประเพณี และที่ขาดไม่ได้คือ music and Dancing ดนตรี และการเต้นรำ ซึ่งบรรจุในภาพยนต์อินเดียทุกเรื่อง รวมไปถึงสายมู ประกอบศิลปวัฒนธรรม เราจึงเห็นหนังเรื่อง พระศิวะ พระนารายณ์ พระพิคเณศร์ พระอุมา และอื่นๆ รวมทั้งรามเกียรติ์ ที่ส่งออกไปทั่วโลก

Softpower ที่น่าสนใจของอินเดียในปัจจุบันที่กำลังฮิต คือ การท่องเที่ยวรับพลังทางพุทธศาสนาในสังเวชนียสถาน 4 แห่งในอินเดีย ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของพระพุทธเจ้า ที่ผู้คนทั่วโลกต้องไปเที่ยวชมและอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่พาราณสี พร้อมแสวงบุญรับพลังบวกเป็นจำนวนมาก

  • ฝรั่งเศส

มี softpower ทั้ง พระราชวังแวร์ซาย พิพิธภัณฑ์ลูฟท์ ข้อสำคัญ น้ำหอม และไวน์ เป็นพลังความนุ่มนวล ที่สร้างมูลค่ามหาศาลให้ ประเทศ นอกจากนี้ สิ่งก่อสร้างสมัยใหม่ เช่น หอไอเฟล เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ และการแข่งขันจักรยาน ทัวร์เดอฟรองค์ ก็เป็นsoftpower ที่ดีงดูดผู้คนให้เข้าไปเยือนฝรั่งเศสจำนวนมากในแต่ละปี

  • อเมริกา

เริ่มกระบวนการ softpower โดยผสมผสานแนวทางของการเมือง การตลาด การต่างประเทศ และสร้างวัฒนธรรมสร้างชาติ ขึ้นมา เราจึงเห็นประธานาธิบดีทุกรุ่น มี speech ที่น่าสนใจศึกษา มีการนำแนวคิดการเป็นทหารและพลเมืองดี ที่ต้องรับผิดชอบต่อประเทศ ร้องเพลงชาติทุกครั้ง ภาคภูมิใจในธงชาติ และมีอิสระภาพ ทุกสีผิว

ทุกอย่างหลอมรวมออกมาเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด ดนตรี และเทคโนโลยี มือถือ ไอโฟนที่เราถือ รวมไปถึงsoftware ที่อยู่ ข้างใน ทััง แอปเปิ้ล ไมโครซอฟท์ กูเกิล คือ พลังนิ่มนวลที่เข้าถึงมนุษย์ และขยายต่อยอดให้กลายเป็นsoftpower ที่ไม่จำเป็นต้องมีกิจกรรมที่ต้องอาศัยห้วงเวลา แต่เข้าถึงได้ทุกเวลา อาทิ ดีสนีย์แลนด์ ดีสนีย์เวิลด์ ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ Jurassic theme park และรวมไปถึงการสร้างค่านิยมในการศึกษา ของมหาวิทยาลัยระดับโลกในสหรัฐ ที่คนทั่วโลกนิยมไปศึกษา

  • เกาหลีใต้

คือ ตัวอย่างในความสำเร็จของ softpower แม้จะมีทรัพยากรทางธรรมชาติน้อย ต่างจากจีนและญี่ปุ่น ( อายุประเทศใกล้เคียงกันคือ กว่า 1,000 ปี) แต่เกาหลีกลับเรียนรูัที่จะสร้างวัฒนธรรมของตัวเอง ขึ้นมา โดยปรับแนวทางของโลกตะวันตกมาผสมผสานกับแนวทาง ของคนเอเชีย เกาหลีใต้เน้นวัฒนธรรม 2 ส่วน คือ K pop และ K innovation

K pop คือ กระบวนการสร้างความนิยมให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ ที่เรียกว่า k pop คือ popular นั่นเอง เริ่มต้นจากเรียนรู้ในการสร้าง Idol การวางกระบวนการในการสร้าง Fandom การใส่ความคิดสร้างสรรค์ในงานเพลง ละคร ละครเวที กีฬา โดยมี K Innovation ดำเนินการเคียงคู่กันไป เราจึงเห็นความสำเร็จหลังสิ้นสุดยุคสงครามในคาบสมุทรเกาหลี ได้จากธุรกิจเสริมความงาม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ ดนตรี เพลง ภาพยนต์ เทคโนโลยี ทุกสิ่งอย่างมีการพัฒนาอย่างเป็นระบบ ผู้คนทั่วโลกจึงอยากไปเรียนภาษาเกาหลี อยากไปเที่ยว อยากไปเสริมความงาม อยากซื้อสินค้าเกาหลี และนิยมชมชอบศิลปินเกาหลี จนถึงBrand เสื้อผ้า และเครื่องสำอางค์ระดับโลกหันมาใช้ศิลปินเกาหลีในการเป็น presenter และได้รับการยกย่องให้เกียรติพบปะผู้นำระดับโลกมากมาย วงBlackpink เป็นตัวอย่าง softpower ที่เกาหลีมุมานะในการสร้างสรรค์ Brand นี้จนเป็นศิลปินเอเชียวงแรก ที่ได้เข้าไปเยือนพระราชวังบักกิ้งแฮม และได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากกษัตริย์ชาร์ลที่ 3

  • ญี่ปุ่น

เป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยว และความพิถีพิถันเป็นระเบียบของคนในชาติ เป็นวัฒนธรรมที่แข็งแรง แม้จะเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ แต่วัฒนธรรมของญี่ปุ่น ยังคงแข็งแกร่งและแพร่ไปทั่วโลก ญี่ปุ่นดำเนินการสร้าง softpower มาก่อนเกาหลีใต้ หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นหันมาใช้” พลังนุ่มนิ่ม” ในการสร้างประเทศ มากกว่า กำลังทางทหาร โดยดึงศักยภาพรากเหง้าของตัวเองใสพัฒนาให้มีความทันสมัยควบคู่กับวัฒนธรรมดั้งเดิม

เราจึงเห็นcontent ที่เป็นการ์ตูน animation art การแต่งกายกิโมโน วัฒนธรรมทางอาหารราเมง ซูชิ ที่ประดิดประดอยสวยงาม และคุณภาพของสินค้าญี่ปุ่น เช่น รถยนต์ กล้องถ่ายรูป โทรทัศน์ นวตกรรมต่างๆ ที่ช่วยให้วิถีชีวิตดีขึ้น ในเมืองใหญ่และเมืองรองของญี่ปุ่น เรายังเห็นสาวญี่ปุ่น แต่งกิโมโนขึ้นรถไฟฟ้า ไปห้างสรรพสินค้า ไปทานอาหาร จนกลายเป็นวัฒนธรรมที่สั่งสมเป็นวิถีชีวิตที่ชินตา

  • สาธารณรัฐประชาชนจีน

เป็นยักษ์ใหญ่ ที่เพิ่งใช้ softpower ควบคู่กับการเมืองระดับโลก แต่ในอดีตเมืองอุตสาหกรรมsoftpower คือ ฮ่องกง ที่มีจุดขาย3 ส่วน คือ ไหว้พระสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อุตสาหกรรมภาพยนตร์บันเทิง และอาหารจีน แต่ในขณะเดียวกัน จีนแผ่นดินใหญ่ก็ เติบโตรวดเร็วมาก ในช่วง20 ปีที่ผ่านมา ประเทศจีนมีทั้งวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยว ประเพณีนิยม และล่าสุดการสร้าง softpower ผ่านคนและapplications ที่โด่งดัง อาทิ alibaba , Tiktok

ย้อนกลับมาที่ ละครพรหมลิขิต ละครเรื่องนี้นำประวัติศาตสตร์มาผนวกกับความคิดสมัยใหม่ ได้อย่างลงตัวทำให้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไม่น่าเบื่อหน่ายสำหรับวัยรุ่น เราจึงเห็นความคลั่งไคล้softpower ไทยที่ อยุธยา เป็นmodel ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอยุธยาและกระทรวงวัฒนธรรม เริ่มใช้กลยุทธ์การตลาดสมัยใหม่ในการต่อยอดความนิยม มาเป็นความสุข ความเจริญทางเศรษฐกิจ โดยกรมศิลปากร ยอมจัดให้มีการประดับไฟฟ้า และบรรยากาศในช่วงเย็นถึงกลางคืน ทำให้เกิดมุมมองใหม่ ที่สัมผัสใจผู้คน สิ่งที่ได้รับอานิจสงค์ตามมาคือ นักท่องเที่ยวไทยมาเพิ่มขึ้น ยอดขายกุ้งเผา ปลาตะเพียนทอด , โรตีสายไหม และธุรกิจเช่าชุดไทย ธุรกิจถ่ายภาพ รถโดยสาร ล้วนเพิ่มขึ้น 5 เท่า และเป็น 10 เท่า จากปกติ ในวันเสาร์อาทิตย์ โรงแรมที่พักในอยุธยา จากเช่าไปเย็นกลับ ก็มาเป็นการพำนักในเมืองหลวงเก่า เพิ่มอีก 1-2 วัน และจะขยายไปวัดอื่นๆในอยุธยา รวมทั้งสู่อำเภอรอบนอก เช่น บางปะอิน อำเภอภาชี และอื่นๆ รวมไปถึงเมืองโบราณที่สมุทรปราการ อันเป็นสถานที่ถ่ายทำสำคัญอีกจุดหนึ่ง

ละครพรหมลิขิต ที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย มาจาก softpower ที่เป็นองค์ประกอบตั้งแต่

  1. บทละคร: เชื่อมโยงประวัติศาสตร์และจิตใจของมนุษย์ ในยุคเก่ากับยุคใหม่
  2. การแต่งกาย : ทั้งเรื่องโดยเฉพาะบรรดาตัวแสดงฝ่ายหญิง มีการแต่งกายทั้งแบบชาวบ้านและ แบบชาววัง
  3. อาหารไทย : มีเมนูและวิถีชีวิตถิ่นไทย พร้อมแสดงการปรุงอาหารให้เห็น
  4. ประเพณีและสถานที่ : สอดแทรกด้วยคุณธรรมในการบริหารประเทศ การจัดประเพณีที่สำคัญ การเดินเรื่องโดยใช้สถานที่ต่างๆกัน แม้แต่ยานพาหนะที่เป็นเรือสมัยอยุธยา ก็ปรากฎให้เห็นทุกฉาก ส่งผลให้กิจกรรมหนึ่งที่คนต่างชาติ มาเที่ยวแล้วถามถึงคือ การแต่งชุดไทยถ่ายภาพในโลเคชั่น และพายเรือ

ซึ่งเด่นชัด ที่สุด การเขียนบทที่นำความคิดสมัยใหม่ มาผสานกับประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตคนไทยดั้งเดิม อย่างลงตัว และที่เพิ่มมาคือ การใช้คอมพิวเตอร์กราฟิคให้ดารานำเป็นแฝดเหมือน ซึ่งสร้างความแตกต่างจากละครเรื่องอื่นๆและทำให้ ต่างชาติสนใจในเนื้อหา

มีคำถามว่า พรหมลิขิต จะส่งผลให้เกิดความยั่งยืนในเรื่อง softpower ของไทยได้มาน้อยเพียงไร ?

แล้วเราจะก้าวไปสู่ตลาดโลกได้อย่างไร เรื่องนี้ผมคิดว่าต้องทำเป็นยุทธศาสตร์ภาพรวม แล้วศึกษาปัจจัยในองค์ประกอบรอบด้านดังนี้

1.วิจัยศึกษาสิ่งที่เรามี หัวข้อนึ้เรามีของดีมากมาย แต่ประเภทไหนล่ะที่ทั้งคนไทย และต่างชาติเข้าใจ เข้าถึง ได้เหมือนกัน อาทิ อาหารไทย ชุดไทย วัฒนธรรมพื้นถิ่นที่สนุก สิ่งใดที่จะดึงดูดคนในประเทศ เพิ่อให้เกิดความนิยม ทำตาม เหมือนที่คนทั่วโลกนิยมเปิดร้านซูชิ นิยมแช่ออนเซน นิยมแต่งชุดยูกาตะ หรือ กิโมโน

2.สร้าง concept สิ่งใหม่ จากรากฐานและองค์ประกอบที่มีบ้าง ให้ชาวโลกสนใจอย่างเป็นกระบวนการ
ผมถามว่า full moon ที่พงัน เป็นsoftpower ระดับโลกไหมครับ เพราะพื้นฐานมีแค่เกาะ แต่ชาวต่างประเทศนิยมมาสนุกสนานท่ามกลางพระจันทร์เต็มดวง พร้อมกิจกรรมดนตรี ที่นี่ ซึ่งมีหลายเดือน ใน1 ปี , การสร้างถนนข้าวสารให้มีชีวิตชีวาเป็นวิถีของคนรุ่นใหม่, การพัฒนาตลาดน้ำ คูคลอง , การสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่มีเอกลักษณ์ไทย, การพัฒนาโรงภาพยนต์เฉลิมกรุงเป็นโรงมหรสพระดับคลาสสิค แสดง” โขน” เหมือน โรงละครในอังกฤษ ที่แสดงติดต่อกันหลายปี
การสร้างความสะอาด heritage ให้อาคาร/คูคลอง
ดังนั้น ในข้อนี้ Soft power จึงต้องเป็นอะไรที่ยั่งยืน ต้องทำได้ทุกฤดูและมีคนนิยมติดตามโดยไม่มีอายุขัย

3.contents ที่นำเสนอ สามารถโน้มน้าวให้คนชื่นชอบและแปรเปลี่ยนความชื่นชอบเป็นรายได้ หรือ Brand
แยกเป็น contentsในความหมายของผมคือ

3.1) สิ่งปลูกสร้างทั้งยุคโบราณและร่วมสมัย
ตัวอย่างเช่น ปิรามิด/สฟิงค/สุสานมัมมี่/เพตรา จอร์แดน / กำแพงเมืองจีน/กำแพงเบอร์ลิน/ พระราชวังวินเซอร์/หอนาฬิกาบิ๊กเบน/หอไอเฟล /ตลาดเก่าเนเธอร์แลนด์ /จตุรัสเทียนอันเหมิน/พระราชวังต้องห้าม/ ปราสาทโชกุน/นครวัด /ทัชมาฮาล / เวนิช/วัดพระแก้ว / พระบรมมหาราชวังของไทย/ สะพานข้ามแม่น้ำแคว เหล่านี้ เป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีมาแต่สมัยโบราณ และเพิ่งเริ่มสร้าง แต่หากมีกระบวนการที่ส่งต่อ สร้างสรรค์ให้ดึงดูดคนรุ่นใหม่ ก็จะให้สิ่งนั้นเป็นส่วนหนึ่งของ softpower ได้

3.2)ธรรมชาติสร้างสรรค์
:น้ำตกไนแองการ่า / ทะเลสาบลูเซิร์น /เกาะพีพี/เกาะภูเก็ต/ฮาวาย/แม่น้ำไนล์ /แม่น้ำเทมส์ / ซาฟารี /แสงเหนือ /กาแฟ /ใบชา /อากาศดีที่ฮาวาย ธรรมชาติ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเอง ไม่มีการปรุงแต่ง แต่มนุษย์ต้องสร้างสิ่งรอบด้านของธรรมชาตินั่น เพื่อดึงดูดใจให้มากขึ้น อาจเป็นสิ่งอำนวยความสะดวก หรือ มีส่วนร่วมในการผจญภัยค้นหาต้นกำเนิด ของธรรมชาติ นั้น

3.3)วัฒนธรรมมรดกทางปัญญา
: ผ้าไหมไทย/น้ำหอม /ไวน์/พรมเปอร์เซีย/นาฬิกาสวิส/กางเกงยีน / กระเป๋าbrand หรู / อาหาร/กีฬา
บางอย่างนำมารวมกัน เช่น ปราสาทสวยบนยอดเขาสูง
สิ่งที่ยกตัวอย่าง หลายสิ่งกลายเป็นเส้นทางที่คนอยากเรียนรู้เข้าถึง เป็นยกระดับการเป็นsoftpower ให้เด่นชัดขึัน เราจึงเห็นแพคเก็จทัวร์นำชม ชาโตที่ผลิตไวน์ โรงงานผลิตน้ำหอมดั้งเดิมในเมืองเล็กๆของฝรั่งเศสหรืออิตาลี

3.4)สิ่งประดิษฐ์คิดค้นใหม่
เช่น หอไอเฟล ดิสนีย์แลนด์ ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ , อนุสาวรีย์สันติภาพ สหรัฐ, เป็นsoftpower อีกประเภทหนึ่งที่ตั้งอยู่เป็นLandmark สำคัญ แล้วสร้างsoftpower อื่นๆประกอบ เช่น รถม้า จักรยาน การแข่งขันมาราธอน การแสดงดนตรี เป็นการสร้างรายได้และความสุขสันต์จากsoftpower ที่ผสมผสานกันอย่รงลงตัว

3.5) กิจกรรมที่ทำเป็นกิจวัตร
พิธีเปลี่ยนเวรยามชายแดนอินเดียปากีสถาน/พิธีเปลี่ยนยามหน้าพระราขวังบักกิ้งแฮม, /หมู่บ้านชาวเขา / พิพิธภัณฑ์ฝิ่น / พิพิธภัณฑ์ทุเรียน / เทศกาลตามเมืองต่างในญี่ปุ่น บราซิล คิวบา ฮอลแลนด์ อิตาลี ที่ผู้คนทั่วโลกหลั่งไหลไปร่วม

4.เงินทุน Funding / และช่องทางตลาด

5.พัฒนาคนให้มีศักยสภาพด้านความคิดสร้างสรรค์/การมีระเบียบ/สะอาด /ปลอดภัย และไฝ่บริการ

6.กลไกของรัฐ ( กฎระเบียบ/ เงินทุนสนับสนุน) ไม่มีประเทศใดที่ประสบความสำเร็จในการสร้าง softpower โดยรัฐไม่สนับสนุน การสนับสนุนนั้นต้องทำตั้งแต่เริ่มสร้าง มิใช่มาโหนกระแสเอกชน แล้วสนับสนุนภายหลังแบบน้อยนิด

หากจะตอกหมุดการสร้างเศรษฐกิจแบบยั่งยืน รัฐบาลและกลุ่มผู้นำความคิดในภาครัฐ จักต้องไม่เกรงใจคนชอบค้าน ต้องบูรณาการบริการภาครัฐเข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ เป็น one stop service และมีกองทุนแหล่งเงินที่กลุ่มผู้ผลิตcontentsสามารถเข้าถึงได้ ข้อสำคัญควรสร้างฐานมาตั้งแต่เยาวชนในมหาวิทยาลัย เพราะปัจจุบันยังไม่มีหลักสูตร training บ่มเพาะ เรื่อง softpower ในมหาวิทยาลัยเลย และควรเปิดตลาดใหม่ๆในต่างประเทศ เพื่อให้ วิธีคิดsoftpower ของไทย ติดลำดับโลกให้ได้ จะได้สร้างเม็ดเงินเข้าประเทศเสริมรายได้สินค้าเกษตรกรรมและ
อุตสาหกรรมอื่นๆ

ยังมีเรื่องราวและประเด็นของ soft power อีกมาก แต่เขียนมาถึงตรงนี้ก็ยาวพอสมควร สรุปได้ว่า บางอย่างเราพัฒนาเป็นพลัง softpower ได้ บางอย่างที่อ้างว่า softpower ที่แท้อาจเป็นหางกระทิ มิใช่แก่นกระพี้แท้ๆที่สร้าง Brand หรือรายได้ที่ยั่งยืนนะออเจ้า

……………..

เขมทัตต์ พลเดช
นายกสมาพันธ์วิชาชีพวิทยุและโทรทัศน์